Saturday 22 May 2010

จดหมายเปิดผนึกถึงกลุ่มคนเสื้อแดง




ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงพวกคุณเพราะในช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายครั้งที่ผมโกรธ บ่อยครั้งที่ผมผิดหวัง ฝันสลายและอึดอัดใจ แต่มีครั้งเดียวในห้วงเหตุการณ์อันน่าเจ็บปวดทั้งหมดนี้ที่ทำให้ผมน้ำตาไหล นั่นคือเมื่อแกนนำของคุณ คุณวีระ มุสิกพงศ์ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ และพูดเรื่องความฝัน ความผิดหวัง ความหวังที่ยังเหลืออยู่ของเขา
เมื่อควันจาง จะมีคนบอกคุณว่าพวกคุณถูกหลอก ถูกล่อลวง ถูกซื้อและถูกทรยศ ว่าคุณเป็นแค่เครื่องมือของพวกคนชั่วที่จริงๆ แล้วไม่สนใจว่าคุณจะมีชะตากรรมยังไง ว่าคุณเป็นผู้ก่อการร้าย นักวางเพลิง พวกทำลายวัฒนธรรม พวกเกลียดเจ้า จะมีคนกล่าวว่าคุณทำลายภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาต่างชาติและขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่ร้ายที่สุดคือเขาจะบอกว่าคุณทุกคนเป็นพวกไม่รู้เรื่องราวที่ใช้สิทธิใช้เสียงทางการเมืองอย่างผิด ๆ เพราะคุณไม่เข้าใจประชาธิปไตย
ผมเกรงว่าคำพูดของคนเหล่านั้นเป็นจริงอยู่หลายกรณี การเกิดใหม่ชั่วข้ามคืนของประเทศเราที่คุณอยากเห็น กลายเป็นเพียงอรุณรุ่งอันจอมปลอม อาชญากรรมมากมายถูกก่อขึ้น และทั้งสองฝ่ายก็ซ่อนความจริงสำคัญหลายเรื่องไว้ใม่ให้อีกฝ่ายรู้
ถึงแม้เรื่องเหล่านี้จะเป็นจริงในหลายกรณี ผมก็อยากให้พวกคุณรู้ว่ามันไม่ได้ลบล้างความจริงข้ออื่น ความจริงที่ฝังอยู่ในใจคุณ เมื่อคุณก้าวออกมาร้องทุกข์ด้วยการประท้วงอย่างสันติ
ประตูที่ควรเปิดรับคุณเมื่อหลายปีก่อน เมื่อประเทศนี้ก้าวสู่ระบอบประชาธิปไตย เปิดออกช้าเกินไป การศึกษาที่คุณต้องใช้เพื่อจะได้มีส่วนร่วมในสังคมอย่างเท่าเทียม ถูกปิดกั้นไว้นานเกินไป เสียงที่พวกคุณมีมาโดยตลอดนั้นก็ถูกพบช้าเกินไป และเพราะว่าถูกเก็บกักไว้นานเช่นนั้น เมื่อแสดงออกได้มันจึงทำลายสิ่งต่าง ๆ จนพินาศ และความพินาศร้ายแรงที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับห้างสรรพสินค้าและธนาคารไม่กี่แห่ง แต่เป็นความพินาศที่คุณก่อขึ้นกับตัวเอง
แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าเมื่อพูดถึงการปลดปล่อยจิตวิญญาณของมนุษย์ ประวัติศาสตร์อยู่ข้างคุณ หนทางสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์กว่านี้อาจจะยากลำบาก แต่ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งได้ คุณไม่ได้แพ้สงครามครั้งนี้ แต่ผมหวังว่าคุณจะได้เรียนรู้จากมัน คำถามคือไม่ใช่ว่าคุณจะชนะสงครามนี้ไหม แต่จะชนะอย่างไรต่างหาก จะด้วยความวุ่นวายและการนองเลือด หรือการเจรจาประนีประนอมอันยาวนานและเจ็บปวด ด้วยการพัฒนาทีละขั้นอันเป็นวิถีอารยะ
อาจยากที่คุณจะเชื่อ แต่หลายคนที่ถูกป้ายสีว่าเป็นศัตรู ล้วนมีความฝันสูงสุดร่วมกันกับคุณ ยกตัวอย่างเช่น ผมเชื่ออย่างจริงใจว่านายกรัฐมนตรี คุณอภิสิทธิ์ เข้าใกล้ฝันเหล่านั้นในเชิงความคิดมากกว่าแกนนำจำนวนหนึ่งของคุณ หากเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถ้าเขามีกรอบความคิดเหมือนผู้นำเผด็จการทหารหลายคนที่เคยมีมาในอดีต ซากศพจากเหตุเมื่อสองสามวันก่อนคงมากมายเกินกว่าจะทำใจได้
ผมยังเชื่อว่าผู้นำหลาย ๆ คนของคุณ อย่างคุณวีระ มีความฝันและความหวังเช่นเดียวกับเหล่าคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของคุณ เพราะที่สุดแล้วมันเป็นฝันและหวังของคนไทยทุกคน ที่จะได้อยู่อย่างสันติ ไม่ต้องใช้ชีวิตดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างไร้จุดหมาย ได้มีโอกาสเหมือนคนอื่นที่จะบรรลุความฝันที่ตั้งใจเอาไว้และจะได้มีชีวิตที่สมบูรณ์
อาจเร็วเกินไปที่จะหวังเช่นนี้ เพราะความโกรธแค้นและไม่ไว้ใจของทั้งสองฝ่ายยังมีมากเกินไป ถ้าคุณวีระได้รับการพิพากษาว่ากระทำผิดจริง ก็ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม  เช่นเดียวกับคุณสุเทพ หากพบว่าเขาใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบก็ต้องถูกตัดสินลงโทษเช่นเดียวกัน แต่คงงดงามยิ่งหากได้เห็นนักอุดมคติอย่างคุณวีระได้มีบทบาทในรัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์สักชุด การประนีประนอมเช่นนี้เคยเกิดขึ้นในอิตาลีเมื่อหลายสิบปีก่อน และมันช่วยให้ประเทศนั้นพ้นจากปัญหาความขัดแย้งภายในที่อาจนำไปสู่หายนะ
คุณเปลี่ยนเมืองไทยไปแล้วชั่วนิรันดร์ ด้วยการได้ค้นพบและแสดงให้พี่น้องประชาชนของคุณเห็นว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะคิด พูด และทำ ผมขอสนับสนุนให้คุณก้าวต่อไป คิดต่อไป แต่คิดเพื่อตัวคุณเอง อย่าคิดสิ่งที่ผู้อื่นบอกให้คุณคิด พูดในสิ่งที่คุณคิด ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อื่นบอกให้คุณพูด และทำด้วยสติเช่นเดียวกับด้วยหัวใจ เพื่อผลประโยชน์ของทุกคน แม้แต่คนซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกับคุณ
ในเวลานี้ คงมีคนไม่เท่าไรในกรุงเทพฯที่จะนึกขอบคุณในสิ่งที่คุณทำ แต่ผมอยากจะขอบคุณจริงๆ สิ่งที่คุณทำลงไปนั้นสำคัญมาก แม้อาจไม่ใช่เพราะเหตุผลที่คุณคิด และผมก็อยากอธิบายว่าทำไม
เวลาคุณตัดถนน บางครั้งคุณอาจไปเจอภูเขา เพื่อจะให้ผ่านไปได้ คุณอาจต้องหาทางอ้อมมันไป คุณอาจต้องขุดอุโมงค์ลอดหรือระเบิดทำลายภูเขาทั้งลูกเสีย
เมืองไทยได้มาถึงภูเขาลูกนั้นแล้ว เป็นเวลาอย่างน้อยสองทศวรรษที่ไม่มีใครยอมอ้อมมันไป ขุดอุโมงค์หรือระเบิดภูเขานั่นแม้แต่คนเดียว แต่ทุกคนก็รู้ว่าเราต้องผ่านมันไป ภูเขามันขวางทางเราอยู่ รัฐบาลบางรัฐบาลที่ผ่านมา ขโมยเงินของคุณไป สร้างบอลลูนสีทองงดงามขึ้นมา เพื่อพาคนบางกลุ่มข้ามภูเขาไป โดยไม่สนใจว่าที่เหลือจะถูกทิ้งไว้เลย รัฐบาลอื่น ๆ ก็เอาแต่พูด พูด พูด แต่ภูเขาก็ยังไม่ได้ไปไหน ก็แน่อยู่แล้วว่าคุณต้องหมดความอดทน

คุณไม่ได้ระเบิดภูเขานั่นทิ้ง แต่โศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นนั้นจะทำให้ทุกคนทราบว่า ได้เวลาแล้วที่เราจะต้องก้าวไปข้างหน้า คนของคุณและเหล่าทหาร ต่างไม่ได้ทนทุกข์และตายเปล่า แม้ดูเหมือนว่าเรากำลังอยู่ท่ามกลางความมืดและความวุ่นวาย วันนี้เราได้เข้าใกล้ประชาธิปไตยที่เต็มใบกว่าครั้งไหน ๆ ในยุคของรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลต่อ ๆ มา สักวันหนึ่งผู้คนจะตระหนักว่าคุณได้เปิดตาพวกเขา ว่าพวกคุณมีส่วนอย่างยิ่งในการร่วมสร้างจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ไทย สุดท้ายแล้วคนอื่น ๆ ในประเทศก็จะเข้าใจและยอมรับมัน หรือกระทั่งอ้าแขนเพื่อโอบรับมันไว้ เพราะการโอบกอดผู้ที่เราคิดว่าเป็นศัตรูนั้น แท้จริงแล้วก็คือการโอบรับตัวตนของเราเอง

Via  Somtow




Thaksin Shinawatra photographed in Louis Vuitton Champs Elysee, Paris on May 15 2010. Four days before the death toll of red protesters went over 80, not including 6 soldiers.